ลผลิตจากอคาเดมี่ชลบุรี “กฤษดา กาแมน”
ผลผลิตจากอคาเดมี่ชลบุรี “กฤษดา กาแมน”
นี่คือผู้เล่นดาวรุ่งที่ผ่านการบ่มเพาะฝีเท้าโดยอคาเดมี่ชั้นนำของประเทศอย่างชลบุรี ฟุตบอลไทย goalstorm จนขึ้นมาเป็นกำลังหลักของสโมสรและต่อยอดไปถึงทีมชาติไทยชุดใหญ่ แต่ก่อนที่จะมาถึงจุดนี้เขาต้องพัฒนาทั้งฝีเท้าและทัศนคติของตัวเองให้เป็นที่ยอมรับ เจ้าหนุ่มคนนี้มีชื่อว่า “กฤษดา กาแมน”
เจ้าและห์ กฤษดา กาแมน เกิดที่จังหวัด ตราด ในวันที่ 18 มีนาคม 2542 ตอนเด็กๆเขาชอบฟุตบอลมาก พ่อของก็เป็นคนเตะฟุตบอลอยู่แล้วจึงพาเข้าไปทุกสนามที่พ่อของเขาเล่น ทำให้กฤษดาซึมซับฟุตบอลมาตั้งแต่ตอนนั้น และคิดแค่เพียงว่าอยากเล่นแต่ฟุตบอลเรื่อยมาจนอายุ 11 เขาได้ไปแข่งฟุตบอลที่สระแก้วและได้ไปพบกับโค้ชเฮง วิทยา เลาหกุล ที่พาเหล่าแข้งฉลามชลอคาเดมี่ไปทำการแข่งขันเช่นกันนั้นเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับยอดบรมครูฟุตบอลอย่างโค้ชเฮง ก่อนที่โค้ชเฮงจะเข้าไปคุยกับพ่อของกฤษดาว่าเห็นแววเห็นฝีเท้าเรื่องฟุตบอลของเขา จึงทำให้กฤษดาย้ายเขามาอยู่ในอคาเดมี่ของชลบุรี ในวัย 12 ปี
ในช่วงแรกแน่นอนว่าเขาต้องปรับตัวอยู่พอสมควร จากที่เขาเคยเล่นฟุตบอลไปแบบที่ต้องควบคู่กับการเรียนไปด้วย มาเป้นการซ้อมฟุตบอลแบบทุกๆวัน กินนอนใช้ชีวิตกับเพื่อนๆต่างที่ ทำให้เขาตั้งเป้าหมายว่าอยากเล่นฟุตบอลแบบจริงจรังแต่เขาก็ไม่ได้ทิ้งการเรียนที่ชลบุรี เพียงแค่เล่นฟุตบอลมากกว่าเรียนเท่านั้น ในตอนแรกฝีเท้าของเขายังไม่ทันเพื่อนๆที่เข้ามาอยู่ก่อน และที่ชลบุรีจะมีการประเมินในทุกๆปีว่าใครจะได้อยู่ในระบบอคาเดมี่ต่อ โดยเจ้าตัวอยู่ในข่ายที่ต้องถูกประเมินออก แต่ในช่วง 3 เดือนสุดท้าย เขาได้เปลี่ยนตำแหน่งการเล่น จากกองกลางมาเป็นแบ็คขวา ทำให้โค้ชเห็นประโยชน์ในตัวเขามากขึ้น และได้อยู่กับทีมต่อไป
ด้วยความที่ตัวยังเล็กความเร็วความแข็งแกร่งยังไม่มีเท่าที่ควร เขายังไม่สามารถเบียดตำแหน่งตัวจริงจากเหล่าแข้งระดับหัวกะทิของชลบุรีได้ ทำให้เขามีความคิดว่าซ้อมไปแค่ไหนก็คงยังไม่ได้รับโอกาส เหมือนมาแค่ซ้อมไปวันๆอย่าให้ขาดก็พอ ทำให้ทางพ่อและแม่เห็นท่าไม่ดีจึงต้องมาเตือนเจ้าและห์ ตัวเขาเองก็รู้สึกว่าถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปก็ไม่ไหวซ้อมไปก็ไม่ได้ประโยชน์ เขาจึงใช้วิธีเพิ่มศักยาภาพให้กับตัวเองด้วยการเข้ายิมเข้าฟิตเนส เสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวเองเพื่อที่จะได้ดึงศักยภาพในการซ้อมออกมาให้โค้ชเห็น
ในยุคของโค้ชเตี้ย สะสม พบประเสริฐ เจ้าและห์ ถือเป็นกำลังพลคนสำคัญของชลบุรีในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ เขาพัฒนาฝีเท้าและประสบการณืขึ้นมาเรื่อยๆ หลายๆคนจะเห็นบทบาทของเขาในสนามที่ีไม่ใช่ผู้เล่นแนวรับที่เคลียร์บอลมั่วไปมาเขาจะมีการออกบอลที่ทำให้ทีมได้เปรียบและเก็บกวาดในพื้นที่สุดท้าย แถมยังเป็นคนที่เล่นลูกนิ่งได้ดีอีกทั้งยังมีจังหวะยิงไกลที่เป็นเหมือนทีเด็ดของเขา และในที่สุดฟอร์มของเขาก็ไปเตะตา มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือใหญ่ของทัพช้างศึก ทำให้เขาถูกเรียกตัวติดทีมชาติชุดใหญ่ในศึกฟุตบอล AFF SUZUKI CUP 2020 ที่ประเทศสิงค์โปร์
บทบาทของเขาในทีมชาติถูกโยกมาเป็นผู้เล่นในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาฟคู่กับ มานูเอล ทอมเบียร์ จากทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด โดยผลงานของกฤษดาในการติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรก ต่างได้รับเสียงชื่นชมเป็นอย่างมาก ทั้งความนิ่งและการอ่านเกมของกองหน้าจากทีมคู่แข่ง เนื่องจากเขาเป็นผู้เล่นที่สารพัดประโยชน์สามารถเล่นได้ทั้งกองกลางตัวรับและกองหลังตัวกลาง การคอนโทรลบอลและบิ้วอัพเกมจากแดนหลังขึ้นมาข้างบน เขาทำได้ดีมากเหมือนไม่รู้สึกว่านี่เป็นการเล่นให้กับทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรก
แน่นอนว่าฟอร์มการเล่นแบบนี้บวกกับอายุของเจ้าตัวหลายๆทีมในไทยลีกคงต้องที่จะกระชากตัวจากชลบุรีอย่างแน่นอน ทางด้านชลบุรีก็ถือว่าอ่านเกมได้ดีเพราะตั้งใจจะให้กฤษดาขึ้นมาเป็นกำลังหลักให้กับสโมสรในระยะยาวจึงได้ทำการต่อสัญญาเอาไว้ก่อนแล้วถึงปี 2570 ซึ่งหากทีมใดต้องการคงต้องใช้เงินไม่น้อยที่จะกระชากตัวแข้งลูกหม้อของชลบุรีรายนี้
เหนือสิ่งอื่นใดที่ทำให้ชลบุรีและทีมชาติไทยมีทรัพยากรนักเตะที่ดีแบบนี้ คือต้องชื่นชมความทุ่มเทของ โค้ชเฮง วิทยา เลาหกุล ผู้ที่ทำการเฟ้นหาเหล่าดาวรุ่งทั้งหลายและเจียระไนขึ้นมาประดับวงการฟุตบอลไทยหลายๆคน เขาเหมือนกับผู้ปิดทองหลังพระให้กับสโมสร ชลบุรี เอฟซี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น